W4 Academy

W4 นำเสนอช่องทางการพัฒนาที่หลากหลายสำหรับบริษัทมุ่งเน้นในด้านการพัฒนาเว็บและแอพ เราเป็นผู้เชี่ยวชาญในด้านต่อไปนี้

• แพลตฟอร์มการพาณิชย์
• Product Information Management (PIM)
• แอพพลิเคชั่นบนมือถือและเว็บไซต์
• แพลตฟอร์ม Content Management
• อินเตอร์เฟซ /บูรณาการซอฟแวร์
• Agile Development

ข้อมูลเพิ่มเติม คลิกที่นี่

Web Development หรือ software development การพัฒนา หรือ ซอฟต์แวร์ ตัวอย่างของเว็บแอพพลิเคชันหรือเว็บไซต์ ส่วน App Development หมายถึง การพัฒนาแอพสำหรับอุปกรณ์มือถือ

ข้อมูลเพิ่มเติม  คลิกที่นี่

ตัวอย่างเช่น ถ้าก่อนหน้านี้คุณมีแค่ธุรกิจออฟไลน์ เพียงแค่นั้นคุณสามารถก็ใช้ Web-Development เพื่อก้าวสู่ธุรกิจออนไลน์ได้แล้ว ด้วยแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซของ Magento W4 พัฒนาร้านค้าออนไลน์ให้คุณ ที่ออกแบบตามความต้องการของคุณ

ข้อมูลเพิ่มเติม  คลิกที่นี่

ด้วย PIM Akeneo โอเพนซอร์ส ระบบเดียวที่สามารถใช้ได้ทุกช่องทางและยังสามารถใช้เป็นศูนย์กลางในการจัดเก็บข้อมูลผลิตภัณฑ์ทั้งหมด

ข้อมูลเพิ่มเติม  คลิกที่นี่

แอพฯ นำเสนอศักยภาพที่ยอดเยี่ยมให้แก่บริษัท เนื่องจากมันเป็นตัวแทนของเครื่องมือทางการตลาดอเนกประสงค์แบบใหม่ สามารถปรับปรุงและกระชับความสัมพันธ์กับลูกค้าได้ในเวลาเดียวกัน เนื่องจากมีการสั่งซื้อออนไลน์เพิ่มมากขึ้นบนโทรศัพท์มือถือในปัจจุบัน แอพฯ สามารถช่วยคุณสร้างช่องทางที่มีแนวโน้มในการขาย

ข้อมูลเพิ่มเติม  คลิกที่นี่

ได้ เพราะ Magento สามารถสร้างให้ลูกค้าเป็นศูนย์กลางและในเวลาเดียวกัน ก็สามารถการออกแบบ e-shop ตามความต้องการได้ ซอฟต์แวร์นี้ ความยืดหยุ่นและให้ประสบการณ์ที่ดีเยี่ยมแก่ลูกค้า โดยเฉพาะการช่วยเพิ่มยอดขาย

ข้อมูลเพิ่มเติม  คลิกที่นี่

Google My Business เป็นเครื่องมือฟรีสำหรับการโปรโมตโปรไฟล์ธุรกิจและเว็บไซต์ของคุณบน Google Search และ Maps ช่วยให้โปรไฟล์ธุรกิจของคุณโดดเด่นมากขึ้นและเปลี่ยนการค้นหาเป็นลูกค้า คุณสามารถเพิ่มหรือแก้ไขข้อมูลโปรไฟล์ธุรกิจของคุณ สามารถดูและตอบกลับโพสต์ รีวิว รูปภาพผลิตภัณฑ์ หรือข้อเสนอพิเศษ หากมีการใช้การค้นหาโดย Google บนเว็บไซต์ จำเป็นต้องมีบัญชี Google my Business สำหรับการกำหนดค่าการค้นหาด้วย เมื่อมีการเผยแพร่เว็บไซต์ ต้องป้อนแผนผังเว็บไซต์ใน Google Search Console เพื่อให้ Goole รวบรวมข้อมูลหน้า ในกรณีนี้ บัญชี Google my Businnes จำเป็นสำหรับการเข้าสู่ระบบ

เป็นการทดสอบเพื่อดูว่าผู้เยี่ยมชมเป็นมนุษย์หรือบอทที่พยายามเข้าถึงเว็บไซต์หรือส่งแบบฟอร์ม ReCaptcha นั้นค่อนข้างง่ายสำหรับมนุษย์ที่จะแก้ไข แต่บอทมีค่อนข้างมีปัญหาใหญ่ Google เปิดตัว ReCaptcha เวอร์ชัน 3 ใหม่ซึ่งจะตรวจจับโดยอัตโนมัติว่าผู้เยี่ยมชมเป็นมนุษย์หรือบอท ฉันไม่ต้องการคความยุ่งยากที่จะแก้ไข แต่ ReCaptcha เวอร์ชัน 3 จะตรวจสอบพฤติกรรมของผู้เยี่ยมชมอย่างต่อเนื่องเพื่อระบุว่าเป็นมนุษย์หรือบอท

แอปพลิเคชันแบบเนทีฟและแบบไฮบริดสร้างขึ้นสำหรับอุปกรณ์ (Android หรือ iOS) โดยเฉพาะ และเผยแพร่ผ่าน Google Play Store หรือ Apple iTunes จากที่ซึ่งผู้ใช้สามารถติดตั้งได้ แอปพลิเคชันที่มาพร้อมเครื่องสร้างขึ้นตามแต่ละแพลตฟอร์มโดยเฉพาะ - แอปพลิเคชันหนึ่งรายการถูกเขียนขึ้นสำหรับ Android และแอปพลิเคชันหนึ่งรายการสำหรับ iOS พวกเขาไม่แบ่งปันรหัส แอปไฮบริดจะมีลักษณะเหมือนกันสำหรับผู้ใช้ แต่แชร์โค้ดส่วนใหญ่ ทำให้พัฒนาเร็วขึ้นและดูแลรักษาง่ายขึ้น ข้อเสียคือ มีข้อ จำกัด บางประการเมื่อเทียบกับแอพเนทีฟที่ "ทุกอย่างเป็นไปได้" สำหรับไฮบริดนั้นเป็นไปไม่ได้หรือซับซ้อนมาก

PWA ถูกสร้างขึ้นเป็นหน้าเว็บประเภทพิเศษและสามารถเข้าถึงได้ผ่าน URL ในทำนองเดียวกันกับแอปที่มาพร้อมเครื่องและแอปไฮบริด ติดตั้ง ทำงานแบบออฟไลน์ เรียกข้อมูลตำแหน่งของอุปกรณ์ และอื่นๆ อีกมากมาย แต่พวกเขาไม่ได้ระบุไว้ในร้านค้า และบน iOS ข้อ จำกัด ที่ใหญ่ที่สุดในปัจจุบันคือพวกเขาไม่สามารถเรียกข้อมูลการแจ้งเตือนแบบพุชได้ (สำหรับ Android เป็นไปได้) แอปพลิเคชันพิเศษบางตัวต้องการการเข้าถึงฮาร์ดแวร์มากขึ้น ซึ่งอาจไม่พร้อมใช้งานเสมอไป และประสิทธิภาพอาจถูกจำกัด สำหรับแอปพลิเคชันทั่วไป เป็นตัวเลือกที่เร็วและง่ายที่สุด

Google Tag Manager เป็นโซลูชันที่ใช้งานง่ายสำหรับนักการตลาดในการจัดการโค้ดติดตามบนเว็บไซต์ของพวกเขา ข้อได้เปรียบ: เครื่องมือนี้ไม่ได้จำกัดเฉพาะบริการของ Google เท่านั้น แต่ยังมีความเป็นไปได้ในการรวมแท็ก Facebook หรือ LinkedIn เป็นต้น ในฐานะผู้ให้บริการเว็บไซต์ การผสานรวมโค้ดติดตามเครื่องจัดการแท็กบนเว็บไซต์ของคุณอีกทั้งยังสามารถจัดการส่วนที่เหลือผ่านเครื่องมือได้ ในบริบทของกฎระเบียบให้ความคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของผู้บริโภค (GDPR) เครื่องจัดการแท็กมีฟังก์ชันอื่นในสหภาพยุโรป: การส่งที่อยู่ IP (IP ที่ไม่ระบุชื่อ) สามารถทำให้ไม่ระบุชื่อได้ แต่กระบวนการนี้ยังต้องตั้งค่าด้วยตนเอง

CMS แบบไม่มีหัวคือระบบจัดการเนื้อหา (CMS) แบบแบ็คเอนด์เท่านั้น เป็นที่เก็บเนื้อหาที่ทำให้เนื้อหาสามารถเข้าถึงได้ผ่าน RESTful API เพื่อแสดงผลบนอุปกรณ์ใดๆ ไม่มีสิ่งที่จะช่วยให้ลูกค้าสร้างไซต์ได้ (ไม่มีธีมหรือเทมเพลต) แต่มีอินเทอร์เฟซสำหรับดึงเนื้อหา หากต้องการใช้ CMS ที่ไม่มีหัว จะต้องสร้างไซต์หรือแอปก่อน จากนั้นจึงเชื่อมต่อกับ API ของ CMS เพื่อเสียบเนื้อหาเข้าไป ด้วยวิธีการนี้ CMS แบบไม่มีหัว จึงไม่สนใจว่าเนื้อหาจะแสดงที่ใดและอย่างไร โดยมุ่งเน้นเพียงสิ่งเดียวเท่านั้น - การจัดเก็บและนำเสนอเนื้อหาที่มีโครงสร้าง

Microservices-หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า สถาปัตยกรรมการออกแบบ Service รูปแบบโครงสร้างสถาปัตยกรรมที่เน้นการบริการที่แตกต่างซึ่งจัดแอปพลิเคชันเป็นคอลเลกชันของบริการที่เชื่อมต่อกันอย่างไม่เต็มจำนวน ไมโครเซอร์วิสมีความละเอียดถี่ถ้วนและโปรโตคอลที่มีน้ำหนักเบา ยังสามารถจัดระเบียบตามความต้องการทางธุรกิจ

HubSpot CMS และ WorPress แตกต่างกันอย่างไร ทั้งสองเป็นระบบจัดการเนื้อหา บริษัทใช้เพื่อสร้างเนื้อหา จัดการ และแก้ไขเนื้อหาบนเว็บไซต์ เเละทั้งสองระบบอย่างสามารถปรับแต่งหรือขยายได้ด้วยปลั๊กอินเพิ่มเติมได้เกือบทุกอย่างคล้ายๆกัน

ความแตกต่างที่สำคัญ: นอกจาก Hub CMS แล้ว HubSpot ยังมาพร้อมกับ CRM ฟรี ฮับการตลาด ฮับการขาย ฮับบริการ และฮับปฏิบัติการ ซึ่งหมายความว่า ตัวอย่างเช่น ผู้เยี่ยมชมเว็บไซต์สามารถถ่ายโอนไปยัง CRM และรวมเข้ากับกระบวนการขายด้วยความช่วยเหลือจากการสร้างลูกค้าเป้าหมายและเป็นไปตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลของเยอรมนี (DSGVO)

องค์ประกอบย่อยทั้งหมดของการตลาดดิจิทัล สามารถเป็นได้ทั้งแบบอัตโนมัติและปรับแต่งให้เหมาะสมกับลูกค้าเป็นรายบุคคล ดังนั้น มีเพียง HubSpot CMS Hub เท่านั้นที่สามารถเปรียบเทียบได้กับ WordPress เพราะในแง่ของการตลาดขาเข้า HubSpot นั้นอยู่นำอยู่อย่างเห็นได้ชัดเจน